เรียนเรื่อง Tense อย่างไรให้เข้าใจง่าย ไม่เสียเวลาท่อง
วิชาภาษาอังกฤษ สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยคือเรื่องของ Tense แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ผู้เรียนส่วนใหญ่สับสน และมองว่าเป็นเรื่องยาก ในขณะที่ผู้สอนก็พยายามหาวิธีที่จะทำให้ Tense เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ง่าย ซึ่งก็ทำได้จริง ๆ
ทำไมเรื่อง Tense จึงเป็นเรื่องยากTense คือ การสื่อถึงเหตุการณ์ใดก็ตามในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน คือ • I went to school ฉันไปโรงเรียนมาแล้ว - เป็น Past Tense • I go to school ฉันไปโรงเรียน - เป็น Present Tense • I will go to school ฉันจะไปโรงเรียน - เป็น Future Tense เหตุการณ์ทั้ง 3 นี้เกิดขึ้นคนละเวลา คือ อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ที่เราเรียกว่า Tense ตามหลักไวยากรณ์เมื่อพูด หรือเขียนถึงเหตุการณ์ หรือการกระทำใดในเวลาที่ต่างกัน ถ้าเป็นภาษาไทย องค์ประกอบในประโยคก็คงจะเพิ่มมาแค่คำพูดบางคำเช่น คำว่า “แล้ว” หมายถึง เป็นอดีตไปแล้ว “กำลัง” หมายถึง ปัจจุบัน “จะ” หมายถึง อนาคต แค่นี้ง่าย ๆ แต่ในภาษาอังกฤษอาจจะมีมากกว่านั้น สิ่งที่เป็นปัญหาสำหรับหลายคนก็คือองค์ประกอบสำคัญของประโยคที่เป็น Verb หรือคำกริยาจะเปลี่ยนรูปแบบไปในแต่ละ Tense ซึ่งไม่ใช่แค่ 3 tenses นี้เท่านั้น Tense ในภาษาอังกฤษยังมีแยกย่อยออกไปอีกรวมทั้งหมด 12 Tenses ด้วยกัน พอได้ยินว่า Tenses เยอะขนาดนี้ ผู้เรียนหลายคนก็เริ่มกุมขมับเพราะกลัวว่าจะจำไม่ไหว ท่องเท่าไหร่จึงจะจำได้หมด ... อย่าเพิ่งถอดใจไป เรามีเทคนิคการจำง่าย ๆ ในบทความนี้
เทคนิคทำความเข้าใจ ใช้ Tense ให้เป็นการเรียนเรื่อง Tense หรือเรื่องใด ๆ ก็ตาม ถ้าทำให้เป็น Step แล้วค่อย ๆ ต่อยอดจากขั้นที่ง่ายไปขั้นที่ยากขึ้น สำหรับเรื่อง Tense นี้ เริ่มแรกเลยอย่าเพิ่งมองไกลไปถึง 12 tenses เพราะจะทำให้สับสนได้ เทคนิคการทำความเข้าใจให้เริ่มจากสิ่งที่ง่าย คือ1. ยึด 3 tenses แรกเป็นหลักก่อน เอาแค่ Past Present Future2. รู้โครงสร้าง (Structure) ของประโยคในเบื้องต้น เริ่มจากประโยคไม่ซับซ้อนที่มีองค์ประกอบคือ ประธาน (Subject) กริยา (Verb) กรรม (Object) ให้ได้ก่อน3. จับองค์ประกอบที่เป็น Verb เพราะเป็นส่วนสำคัญที่จะต้องเปลี่ยนรูปเสมอในแต่ละ Tense เพื่อบ่งบอกว่าประโยคนั้นเป็น Past, Present หรือ Future 4. รู้กริยา 3 ช่อง ว่า Verb ใน Tense ทั้ง 3 ต้องเปลี่ยนรูปแบบอย่างไร ข้อนี้สำคัญมาก ต้องอาศัยท่องเล็กน้อย แต่ไม่ได้ยากเกินไป ฝึกใช้บ่อย ๆ จะช่วยให้จำได้ 3 ข้อนี้คือเบสิกของการเรียน Tense ให้ง่าย เมื่อคล่องแล้วจึงต่อยอดไปสู่ Tense อื่น ๆ ที่นอกเหนือจากนี้
มากกว่า Tense คือ Dimension มิติของเวลาเมื่อคล่องแล้ว เราจะไปต่อที่ Tense อื่น ๆ กันเลย Tense ที่เพิ่มเข้ามานอกจาก 3 Tenses นี้คืออะไร ทำไมต้องมีจำนวนมากขนาดนั้นTense ที่เพิ่มเข้ามาเราจะเรียกว่าเป็น Dimension ของเวลาที่ลึกลงไปอีก เป็นการขยายความถึงการกระทำใน Past, Present และ Future นั้นว่ามีมิติลึกแค่ไหน พูดง่าย ๆ ก็คือ เหตุการณ์ที่เกิด หรือการกระทำนั้นเกิดขึ้นนานแค่ไหน ตั้งแต่เมื่อไรถึงเมื่อไร เช่น ไปโรงเรียนตั้งแต่เมื่อเช้าและตอนนี้ยังอยู่ที่โรงเรียนไหม ทานอาหารผ่านไปแล้วนานแค่ไหนแล้ว หรือเพิ่งทานไปเมื่อสักครู่ ตอนนี้เลิกทานแล้วหรือยังทานอยู่ เป็นต้น Dimension เหล่านั้นคือ• Simple เหตุการณ์ทั่วไปบอกเล่าความจริง • Continuous เหตุการณ์กำลังเกิดและมีความต่อเนื่อง • Perfect เหตุการณ์เกิดเป็นเวลานาน• Perfect Continuous เหตุการณ์เกิดเป็นเวลานานและยังดำเนินต่อเนื่องเมื่อนำ Dimension เหล่านี้มาอยู่ในทุก ๆ Tense (Past, Present และ Future) ก็จะทำให้แต่ละ Tense มีถึง 4 Dimension ดังนี้Past• Past simple tense เช่น She watched TV • Past continuous tense เช่น She was watching TV• Past perfect tense เช่น She had watched TV• Past Perfect continuous tense เช่น She had been watching TVPresent • Present simple tense เช่น She watches TV• Present continuous tense เช่น She is watching TV• Present perfect tense เช่น She has watched TV• Present Perfect continuous tense เช่น She has been watching TVFuture• Future simple tense เช่น She will watch TV• Future continuous tense เช่น She will be watching TV• Future perfect tense เช่น She will have watched TV• Future Perfect continuous tense เช่น She will have been watching TVรวมทั้งหมดจึงมี 12 tenses ด้วยกัน
รวม Tense สำคัญ ที่ควรฝึกไว้ใช้ประจำอย่างที่บอกเทคนิคไปแล้วว่า ถ้าเริ่มต้นใหม่ ๆ ให้ยึด 3 tenses แรกให้ได้ก่อน เพราะเป็นแกนหลักของกาลเวลาทั้งหมด ฝึกใช้ 3 tenses นี้ บวกกับการผันกริยา 3 ช่องให้คล่อง การฝึกไม่ใช่การเขียนอย่างเดียว วิธีเรียน Tense ให้คล่องต้องฝึกทั้งเขียน อ่าน และพูด การพูดจะเป็นวิธีที่ช่วยได้มากเพราะการพูดทุกวันทำให้เกิดความเคยชิน คนต่างชาติเวลาที่เขาพูดจาสนทนากัน ในสมองของเขาจะมีภาพของ Dimension ต่าง ๆ ที่สามารถมองเห็นเป็นเส้นเวลาเลยว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไรถึงเมื่อไร ซึ่งทำให้เขาสามารถใช้ Tense ได้โดยอัตโนมัติ พูดคล่องไปตามธรรมชาติและเมื่อนำมาเขียนเป็นประโยคก็จะถูกหลักไวยากรณ์มากขึ้นการเรียนภาษาอังกฤษทุก ๆ เนื้อหานั้น ผู้เรียนต้องมีเทคนิคในการทำความเข้าใจ ผู้สอนก็ต้องมีเทคนิคในการสอนให้ผู้เรียนเข้าใจได้ง่ายเช่นกัน Engfluency บริษัทจัดหาครูต่างชาติ พร้อมที่จะให้คำแนะนำปรึกษา และให้บริการสรรหาผู้สอนที่เป็นเจ้าของภาษาซึ่งได้รับการรับรองสำหรับสอนภาษาต่างประเทศ (TEFL) มีศักยภาพในการสอนภาษาเป็นอย่างดี หากองค์กร หรือหน่วยงานใดต้องการ หาครูต่างชาติสอนภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนระดับตั้งแต่อนุบาล ไปจนถึง มัธยม นักศึกษา และระดับของวัยทำงาน บริษัท องค์กรที่ต้องการฝึกภาษาอังกฤษให้พนักงาน สามารถติดต่อ Engfluency ได้ทางอีเมล์ English.fluency8@gmail.com หรือโทร 089-5221546, 083-9910365
ที่มาข้อมูล :- https://www.mylearnville.com/base-past-pastparticiple/#:~:text=%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%201%20(Base%20Form,Passive%20Voice%20%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%20Past%20Participle- https://ภาษาอังกฤษออนไลน์.com/สรุปหลักการใช้-12-tense-ฉบับย่อ/
ที่มารูปภาพ : https://pixabay.com/photos/woman-books-youthful-to-study-4118058/